ปัจจุบันนี้ตามท้องตลาดมีสินค้าอุปโภคบริโภคให้เลือกสรรมากมาย แล้วผู้บริโภคจะรู้ได้อย่างไรว่าสินค้าชิ้นนั้นปลอดภัยและได้มาตรฐานจริง ๆ ? ซึ่งสิ่งที่เป็นตัวการันตีว่าสินค้าจะได้มาตรฐานการผลิตหรือไม่ส่วนใหญ่จะสังเกตจาก ‘เครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้า’ นั่นเอง ดังนั้นแล้วผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองจึงต้องทำความรู้จักกับเครื่องหมายเหล่านี้ไว้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าสินค้าของคุณได้รับการผลิตจากโรงงานที่มีมาตรฐานระดับสากล
เครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้า คืออะไร
เครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้า คือ เครื่องหมายที่แสดงให้เห็นว่าสินค้าชนิดนั้นได้รับการผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐานระดับสากล ซึ่งเครื่องหมายเหล่านี้จะได้รับก็ต่อเมื่อโรงงานผู้ผลิตได้ดำเนินกิจการตามหลักเกณฑ์ที่แต่ละองค์กรกำหนดไว้เพื่อเป็นแนวทางให้สถานประกอบการผลิตสินค้าออกมาในระดับที่มีคุณภาพ
ปัจจุบันเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าในประเทศไทยมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทนั้นก็จะกำหนดในเรื่องของการควบคุมมาตรฐานที่แตกต่างกันไป ซึ่งบางอย่างอาจจะเป็นเครื่องหมายทั่วไปหรือเครื่องหมายมาตรฐานที่บังคับว่าทุกโรงงานต้องมี นอกจากนี้ยังมีเครื่องหมายอื่น ๆ ที่เจ้าของแบรนด์ต้องศึกษาข้อมูลไว้ว่าสินค้าของคุณนั้นจัดอยู่ในประเภทใดและต้องมีเครื่องหมายรับรองอะไรบ้าง ดังนั้นมาดูกันว่าเครื่องหมายสินค้ามีอะไรบ้าง
เครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้ามีอะไรบ้าง
-
เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ ‘มอก.’ คือข้อกำหนดที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ (สมอ.) ระบุขึ้นมาเพื่อให้ผู้ผลิตดำเนินขั้นตอนการผลิตสินค้าให้ออกมามีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด โดยส่วนใหญ่แล้วสินค้าที่มีเครื่องหมายนี้ครอบคลุมอยู่ก็จะเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร วัสดุก่อสร้าง ยานพาหนะ ฯลฯ
ปัจจุบันนี้ทาง สมอ. ได้อนุญาตให้แสดงเครื่องหมาย มอก. กับผลิตภัณฑ์ได้ 5 แบบ คือ เครื่องหมายมาตรฐานทั่วไป, มาตรฐานบังคับ, มาตรฐานเฉพาะด้านความปลอดภัย, มาตรฐานเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม และมาตรฐานเฉพาะความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า
อ้างอิง : http://ait.nsru.ac.th/alumni_ait/News/infor_20160615161857.pdf
-
เครื่องหมายอาหารและยา
เครื่องหมายอาหารและยา หรือ ‘อย.’ คือ เครื่องหมายที่ออกโดยสำนักคณะกรรมการอาหารและยาเพื่อตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ทั้งด้านการผลิตหรือแม้แต่การนำเข้าสินค้าก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วสินค้าที่ต้องทำการขอขึ้นทะเบียนจด อย. มักเป็นสินค้าจำพวกที่มีความเสี่ยงสูง อาทิเช่น เครื่องมือแพทย์ เครื่องสำอาง ยา วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน และอาหาร
ผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมาย อย. จะช่วยทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าสินค้าชิ้นนั้นได้รับการตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนออกวางขายสู่ตลาดแล้ว นอกจากนี้กรณีที่ผู้บริโภคได้รับอันตรายจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ยังสามารถเรียกร้องให้ดำเนินการตามกฎหมายได้อีกด้วย เพราะถือว่าสินค้านั้นอยู่ภายใต้การรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
อ้างอิง : https://www.moneywecan.com/food-and-drug-administration/
-
เครื่องหมายฮาลาล
ฮาลาล คือ ภาษาอารบิกที่หมายความว่าการผลิต การให้บริการ หรือการจำหน่ายใด ๆ ที่ไม่ขัดต่อบัญญัติของศาสนาอิสลาม ชาวมุสลิมจึงสามารถมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์หรืออาหารต่าง ๆ ที่มีเครื่องหมายฮาลาลได้ผ่านกรรมวิธีในการทำเป็นไปตามศาสนบัญญัติ โดยเครื่องหมายนี้จะออกโดยคณะกรรมการฝ่ายกิจการฮาลาลของคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย หรือคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดต่าง ๆ
ปัจจุบันตลาดโลกมุสลิมมีประชากรประมาณ 2,000 ล้านคนผลิตภัณฑ์ฮาลาลจึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางการตลาดที่สำคัญและนอกเหนือกว่านั้นผู้ที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมก็สามารถบริโภคอาหารหรือผลิตภัณฑ์ฮาลาลได้เช่นกัน
อ้างอิง : https://www.acfs.go.th/halal/general.php
-
เครื่องหมาย GMP
GMP (Good Manufacturing Practice) คือ มาตรฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับและเป็นข้อกำหนดที่เกี่ยวกับวิธีการผลิตสินค้าให้ได้ตามมาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพไม่ว่าจะผลิตสิ่งของเครื่องใช้หรืออาหารก็ตาม โดยการควบคุมจะมีตั้งแต่สถานที่ตั้งของโรงงานและอาคารผลิต เครื่องมือที่ใช่ในการผลิต การบำรุง&การทำความสะอาด รวมถึงบุคลากรและสุขลักษณะอื่น ๆ อีกมากมาย
มาตรฐาน GMP มีด้วยกันทั้งหมดสองประเภท คือ ‘GMP สุขลักษณะทั่วไป’ ที่ควบคุมเกี่ยวกับอาคารสถานที่ เครื่องจักร กระบวนการผลิต ฯลฯ กับ ‘GMP เฉพาะผลิตภัณฑ์’ ที่จะเน้นไปในด้านความเสี่ยงและความปลอดภัยสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะ เช่น อาหารและน้ำดื่ม
อ้างอิง : http://www.warehousechod.com/th/news/detail?d=qQWcZatk#:~:text=GMP%20ย่อมาจากคำ,มาตรฐานในขั้นต้นที่
-
เครื่องหมาย ISO
ISO (International Organization for Standardization) คือ มาตรฐานที่ใช้วัดคุณภาพขององค์กรเพื่อให้แต่ละองค์กรดำเนินงานตามมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ซึ่งจะเห็นได้ว่าสัญลักษณ์นี้จะมีตัวเลขตามหลัง โดยตัวเลขเหล่านั้นจะบ่งบอกถึงลักษณะของสินค้าและบริการที่แตกต่างกัน เช่น โรงงาน โรงแรม สนามบิน หรือภัตตาคาร เป็นต้น
การที่ผู้ผลิตแต่ละรายได้รับการรับรองคุณภาพจาก ISO จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าหรือบริการที่ได้รับมีการตรวจสอบด้านคุณภาพและความปลอดภัยจากองค์กรที่ได้มาตรฐานระดับโลกแล้วซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายทำให้ไม่ต้องตรวจสอบคุณภาพซ้ำ
อ้างอิง : https://theoneiso.co.th/มาตรฐาน-iso-คืออะไร/
-
เครื่องหมาย HACCP
HACCP ย่อมาจากคำว่า Hazard Analysis Critical Control Point ซึ่งก็คือการควบคุมมาตรฐานในด้านความปลอดภัยของกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับอาหารและยา โดยหลักการของมาตรฐานนี้จะเน้นไปที่การป้องกันและวิเคราะห์อันตรายที่อาจมีการปนเปื้อนในอาหารตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงการเก็บรักษา
ประโยชน์ที่ได้จากระบบนี้คือแต่ละองค์กรจะสามารถควบคุมความปลอดภัยของอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยครอบคลุมไปถึงประโยชน์ในด้านการขนส่งอาหารระหว่างประเทศได้อีกด้วย นอกจากนี้ผู้บริโภคยังมั่นใจได้ว่าอาหารที่มาจากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองจาก HACCP จะมีความปลอดภัยสูงที่สุด
-
เครื่องหมายโอทอป (OTOP)
OTOP หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์’ คือนโยบายที่ประเทศไทยนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยโครงการนี้ได้แนวคิดมาจากประเทศญี่ปุ่นด้วยการนำภูมิปัญญาของชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ที่มีรูปแบบแปลกใหม่และไม่เหมือนใครนำมาต่อยอดให้เป็นสินค้าต่าง ๆ เช่น งานถักทอเสื้อผ้า งานจักสาร งานหัตถกรรม หรืออาหาร เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมายโอทอปจะต้องผ่านตามหลักเกณฑ์ที่โครงการกำหนดไว้ เช่น ต้องได้รับมาตรฐาน อย., GMP, HACCP, ฮาลาล. มอก. ฯลฯ และต้องไม่เป็นสินค้าที่เลียนแบบหรือมีวัตถุดิบที่ผิดกฎหมาย ที่สำคัญต้องไม่ขัดต่อขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม อันดีของไทยอีกด้วย ผู้ประกอบการที่ต้องการยื่นขอเครื่องหมาย OTOP สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอ/ เขตที่สถานประกอบการตั้งอยู่
อ้างอิง : https://nongkhai.cdd.go.th/participationotop
-
สัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์อินทรีย์
สัญลักษ์ผลิตภัณฑ์อินทรีย์หรือที่เห็นเป็นคำว่า ‘Organic Thailand’ คือเครื่องหมายรับรองที่ออกโดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อแสดงให้เห็นว่าการผลิตของสินค้าประเภทนั้นเน้นการใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติและได้มีการหลีกเลี่ยงการใช้วัตถุดิบที่มาจากการสังเคราะห์หรือการใช้พืชสัตว์/จุลินทรีย์ ที่มาจากการดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้สินค้าออกมาเป็นเกษตรอินทรีย์ที่มีคุณภาพมากที่สุด
ผู้ประกอบการที่สนใจออกใบรับรองสามารถติดต่อได้ที่ โครงการเกษตรอินทรีย์และหน่วยงานของกรมวิชาการเกษตรที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค ซึ่งใบรับรองนี้จะมีอายุเพียง 1 ปีเท่านั้นผู้ประกอบการจึงต้องยื่นขอใหม่ทุกปี
อ้างอิง : http://certify.dld.go.th/certify/images/project/organic/organic2562/pwR5/2.pdf
-
เครื่องหมายมาตรฐาน Q
เครื่องหมาย ‘Q’ มาจากคำว่า ‘Quality’ คือ เครื่องหมายที่รับรองมาตรฐานคุณภาพสินค้าด้านเกษตรกรรมและอาหารที่เกี่ยวข้องกับแหล่งกำเนิด ส่วนประกอบ หรือขั้นตอนการผลิตว่าสินค้าได้มาตรฐานตามที่หน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด เช่น การตรวจสอบกระบวนการผลิตว่าผู้ผลิตได้รักษาคุณภาพและความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ
การมีเครื่องหมายนี้บนผลิตภัณฑ์จะส่งผลให้ผู้บริโภคได้สินค้าที่มีมาตรฐานและปลอดภัย รวมถึงยังทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในขั้นตอนการผลิตของสินค้าเกษตรได้มากขึ้น ผู้ที่ต้องการใช้เครื่องหมาย Q จะต้องยื่นขอกับหน่วยงานที่รับรองและมีหลักเกณฑ์ครบตามที่หน่วยงานกำหนด
อ้างอิง : http://www.fisheries.go.th/quality/qmark/Qmark.htm#:~:text=ความหมาย,ความเป็นมา
ประโยชน์ของเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้า
-
สำหรับผู้ผลิต
- เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อให้สินค้าออกมามีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ
- สามารถช่วยลดรายจ่ายและช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนได้ส่งผลให้สินค้ามีคุณภาพดีและมีราคาที่ถูกลง
- ช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการที่มีการกำหนดว่าสินค้านั้น ๆ ต้องได้รับเครื่องหมายอะไรบ้าง
-
สำหรับผู้บริโภค
- ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
- ผู้ใช้งานจะได้รับความปลอดภัยสำหรับสินค้าที่มีเครื่องหมายรับรอง
- ในกรณีที่สินค้าชำรุดสามารถหาอะไหล่เปลี่ยนเองได้ง่าย เนื่องจากสินค้าที่มีมาตรฐานเดียวกันสามารถใช้ทดแทนกันได้
- ผู้บริโภคจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพดีและมีราคาสมเหตุสมผล
เครื่องหมายใดบ้างที่สำคัญและต้องมีเมื่อมีแบรนด์
ผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง นอกจากความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ของตัวเองแล้วเจ้าของแบรนด์ควรศึกษาเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าด้วย เนื่องจากเครื่องหมายเหล่านี้จะช่วยทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งเครื่องหมายที่สำคัญและต้องมีนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- สำหรับโรงงานผู้ผลิต เครื่องหมายที่ต้องมี คือ เครื่องหมายที่เป็นมาตรฐานระดับโลก เช่น GMP, HACCP และ ISO เป็นต้น
- สำหรับเจ้าของแบรนด์ เครื่องหมายที่ต้องมีนั้นจะขึ้นอยู่กับสินค้าของคุณว่าเป็นประเภทใด ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นจำพวกอาหาร ยา หรือเครื่องสำอางก็ต้องมีเครื่องหมาย อย. รองรับ หรือหากสินค้าของคุณเป็นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ ก็ต้องมีเครื่องหมาย มอก. และสำหรับสินค้าที่วางขายสำหรับชาวมุสลิมก็ต้องมีเครื่องหมายฮาลาลรับรอง เป็นต้น