สร้างแบรนด์ตัวเอง นับว่าเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คนในยุคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไกลมากขึ้นโอกาสและช่องทางการขายต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ปัจจุบันนี้แม้ว่าคุณจะไม่มีหน้าร้านหรือยังไม่มีบริษัทเป็นของตัวเองก็สามารถผลิตแบรนด์ตัวเองได้ ซึ่งการสร้างแบรนด์ตัวเองในทุกวันนี้ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด มาดูกันว่าการที่จะมีแบรนด์เป็นของตัวเองขึ้นมาสักหนึ่งแบรนด์นั้นจะต้องเริ่มต้นอย่างไรบ้าง
ผลิตแบรนด์ตัวเอง VS รับสินค้ามาขาย
ก่อนที่จะเริ่มต้นมีแบรนด์เป็นของตัวเองเจ้าของแบรนด์หลายคนก็อาจจะกำลังคิดว่าจะเริ่มผลิตแบรนด์ตัวเองเลยหรือว่าจะรับสินค้ามาขายก่อนดี? และแบบไหนที่เหมาะกับแบรนด์ของคุณมากที่สุด มาทำความรู้จักทั้งข้อดีและข้อเสียของทั้งสองแบบกัน
ผลิตแบรนด์ตัวเอง
ข้อดีของการผลิตแบรนด์ตัวเอง
- สามารถต่อยอดได้
การผลิตแบรนด์ตัวเองหากเจ้าของแบรนด์ทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จและติดตลาดได้ แบรนด์ของคุณก็จะสามารถนำไปต่อยอดเพื่อผลิตสินค้าตัวอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้สามารถผลิตสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์เดิมได้
- กำหนดทิศทางของธุรกิจได้เต็มที่
การผลิตสินค้าในแบรนด์ตัวเองจะทำให้คุณมีอิสระในการบริหารจัดการสินค้าและสามารถกำหนดทิศทางของธุรกิจตัวเองได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากหากสินค้าชิ้นไหนขายดีคุณก็จะสามารถสั่งผลิตเพิ่มได้เรื่อย ๆ ต่างจากการรับสินค้ามาขายที่อาจจะหมดสต็อกหรือขาดตลาดได้
- ภาพลักษณ์มีความน่าเชื่อถือ
เมื่อลูกค้าได้ซื้อของกับแบรนด์โดยตรง ลูกค้าจะรู้สึกว่ามันมีความน่าเชื่อถือและสามารถสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อสงสัยต่อสินค้าได้โดยตรง ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
- กำหนดคุณภาพสินค้าได้
เจ้าของแบรนด์สามารถกำหนดคุณภาพของสินค้าได้เองไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการผลิต วัสดุอุปกรณ์หรือกระบวนการผลิตต่าง ๆ ที่เจ้าของแบรนด์กำหนด
ข้อเสียของการผลิตแบรนด์ตัวเอง
- ค่าใช้จ่ายสูง
การผลิตสินค้าแบรนด์ตัวเองจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องลงทุนตั้งแต่ในด้านของวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต วางแผนการตลาด รวมถึงใครที่มีหน้าร้านก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในด้านของสถานที่ด้วยเช่นกัน
- ต้องมีการศึกษาเรื่องกฎหมายมากขึ้น
ในฐานะเจ้าของสินค้าต้องมีความรู้เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคเพิ่มเข้ามาด้วย ทำให้ต้องคำนึงถึงขั้นตอนการผลิตและคุณภาพของสินค้ามากขึ้นเป็นพิเศษ
- มีโอกาสขาดทุน
สำหรับผู้ที่เริ่มสร้างแบรนด์ใหม่อาจมีโอกาสขาดทุนได้เนื่องจากช่วงแรก ๆ อาจจะยังไม่มีฐานลูกค้าที่รู้จักแบรนด์มากพอจึงทำให้ยอดขายอาจไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้
- ใช้ระยะเวลานาน
การสร้างแบรนด์ตัวเองต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานอาจจะไม่สามารถดำเนินการทั้งหมดได้ภายใน 1 เดือน เพราะต้องผ่านหลายกระบวนการตั้งแต่การตั้งชื่อแบรนด์ การคิดค้นผลิตภัณฑ์ การเลือกบรรจุภัณฑ์ ยื่นขอ อย. การวัดคุณภาพสินค้า การโปรโมท และอื่น ๆ อีกมากมาย
รับสินค้ามาขาย
ข้อดีของการรับสินค้ามาขาย
- สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ทันที
เพียงแค่คุณรู้แหล่งขายสินค้าราคาส่งคุณก็สามารถรับสินค้ามาขายต่อได้แล้ว ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาทดสอบคุณภาพสินค้าหรือการพัฒนาแบรนด์
- ไม่ต้องศึกษากฎข้อบังคับเยอะ
การที่รับสินค้ามาขายผู้ขายจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบในการผลิตสินค้าหรือเข้าไปควบคุมคุณภาพสินค้า เพราะเป็นแค่คนที่รับมาขายเท่านั้นไม่ใช่เจ้าของแบรนด์
- ขายสินค้าได้หลายประเภท
ผู้ประกอบการสามารถขายสินค้าได้หลายประเภทรวมถึงการขายสินค้าตามเทรนด์ในขณะนั้นด้วย หากดูแล้วว่าในขณะนั้นสินค้าชนิดใดกำลังเป็นกระแสก็สามารถรับมาขายได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องวางแผนการผลิต
- ใช้งบน้อย
การรับสินค้ามาขายเองสามารถซื้อสินค้าตามงบประมาณที่กำหนดเองได้ หรือบางคนที่ขายสินค้าแบบพรีออเดอร์ก็สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำจากลูกค้าได้ก่อนทำให้ไม่ต้องลงทุนเยอะ
ข้อเสียของการรับสินค้ามาขาย
- คู่แข่งเยอะ
การรับสินค้ามาขายใคร ๆ ก็สามารถทำได้ดังนั้นจึงมีคู่แข่งเยอะเพราะผู้ประกอบการหลายคนก็รับสินค้ามาจากโรงงานเดียวกันจึงอาจทำให้ขายออกยาก
- กำไรน้อย
ผู้ขายจะไม่สามารถตั้งราคาสินค้าที่สูงเกินไปได้ เพราะสินค้าส่วนใหญ่จะมาจากแหล่งเดียวกัน การตั้งราคาขายที่สูงเกินไปจะทำให้ไม่สามารถขายได้ เนื่องจากลูกค้าก็ต้องเลือกซื้อกับร้านที่ขายถูกที่สุด
- เสี่ยงต่อการขาดทุน
ส่วนใหญ่ผู้ที่รับสินค้ามาขายมักจะเลือกสินค้าที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนั้น หากใครที่สต๊อกสินค้ามาเยอะแล้วกระแสลดลงเร็วก็อาจทำให้สินค้าค้างสต๊อกทำให้ขาดทุนได้
- ไม่มีความมั่นคง
การที่รับสินค้ามาขายตราบใดที่ยังมีของขายหรือขายได้อยู่คุณก็จะได้กำไร แต่เมื่อไหร่ที่สินค้าเกิดขาดตลาดหรือแบรนด์เลิกผลิตไปแล้ว ก็จะทำให้คุณสูญเสียรายได้ไปด้วยเช่นกัน
สร้างแบรนด์ต้องเริ่มจากอะไร
การจะสร้างแบรนด์ต้องเริ่มจากอะไร? ผู้ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนอาจจะยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นยังไงดี? เลยยังวางแผนขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ถูก วันนี้เราจึงพาคุณมาดูว่าการจะสร้างแบรนด์นั้นต้องเริ่มจากขั้นตอนอะไรบ้าง
- เลือกสินค้าให้โดนใจ : อันดับแรกคุณต้องคิดก่อนว่าจะสร้างแบรนด์สินค้าอะไรดี ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ชอบส่วนตัวหรือสิ่งของใกล้ตัวที่คุณคุ้นเคยอยู่แล้วก็ได้
- ศึกษาเทรนด์ตลาด : เมื่อได้สินค้าที่โดนใจแล้วให้ลองสำรวจตลาดดูว่าสินค้าชนิดนั้นได้รับความนิยมในตลาดหรือไม้ หรือในอนาคตจะมีแนวโน้มทางธุรกิจอย่างไรบ้างและมันมีโอกาสที่จะสร้างมูลค่าได้มากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญอย่าลืมศึกษาคู่แข่งเพื่อวางแผนทางการตลาดต่อไป
- วางแผนค่าใช้จ่าย : เมื่อเริ่มมองเห็นภาพรวมในการสร้างแบรนด์แล้ว สิ่งสำคัญคือคุณต้องวางแผนทางการเงินทั้งงบในการสร้างแบรนด์หรืองบการตลาดต่าง ๆ โดยสามารถลิสต์ออกมาเป็นข้อ ๆ ได้ว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ที่สำคัญอย่าลืมเก็บเงินสำรองยามฉุกเฉินด้วย
- เลือกโรงงานรับผลิตที่น่าเชื่อถือ : ในกรณีที่คุณจะผลิตแบรนด์ตัวเอง คุณต้องมองหาโรงงานรับผลิตที่น่าเชื่อถือและได้มาตรฐาน โดยต้องเลือกโรงงานที่มีใบอนุญาตและใบรับรองต่าง ๆ เช่น ISO, GMP, HACCP หรือ Halal เป็นต้น
- ทดสอบผลิตภัณฑ์ : หากคุณเลือกสร้างแบรนด์เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้บนร่างกาย อย่าลืมทดสอบสูตรผลิตภัณฑ์ก่อนสั่งผลิตจริงว่าได้สินค้าคุณภาพตามที่เจ้าของแบรนด์กำหนดหรือไม่
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์ : เมื่อคุณได้ผลิตภัณฑ์ตรงตามที่ต้องการแล้ว ต่อไปคือการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของสินค้าซึ่งขั้นตอนนี้ก็สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะมันสามารถช่วยแสดงถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ทำให้ดูน่าซื้อได้มากขึ้นด้วย
- โปรโมทสินค้า : เมื่อผลิตภัณฑ์ของคุณได้ผ่านกระบวนการผลิตจนเสร็จสิ้นขั้นตอนแล้ว สิ่งต่อไปคือการโปรโมทสินค้าหรือแบรนด์ของคุณให้เป็นที่รู้จักในตลาดโดยการวางแผนทางการตลาดพร้อมสร้างกลยุทธ์ต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อพิชิตใจลูกค้าให้ได้
สร้างแบรนด์ ลงทุนเท่าไหร่
สร้างแบรนด์ ลงทุนเท่าไหร่? คำถามนี้เป็นคำถามที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อยเลยเช่นกัน ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องบอกเลยว่ามันขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการว่ามันคืออะไร เพราะสินค้าแต่ละชนิดงบประมาณการลงทุนจะไม่เท่ากัน แต่สำหรับใครที่สนใจสร้างแบรนด์เครื่องสำอางหรือธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและความงามวันนี้เราจะพาคุณมาดูว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ในการสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้
-
งบการผลิตสินค้า
เงินลงทุนสร้างแบรนด์ในส่วนแรกเลยก็คือคุณต้องตั้งงบประมาณในการผลิตสินค้าก่อนซึ่งจะรวมทั้งค่าวัตถุดิบ ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าออกแบบโลโก้(ถ้ามี) โดยงบนั้นจะมีตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้านเลย เพราะขึ้นอยู่กับว่าวัตถุดิบหรือสูตรที่คุณต้องการนั้นมีความพิเศษมากน้อยเพียงใด โดยเจ้าของแบรนด์สามารถปรึกษากับโรงงานก่อนได้ว่ามีงบจำนวนเท่านี้ จะสามารถผลิตสินค้าได้ประมาณไหน
-
งบการตลาด
เมื่อคุณพูดคุยกับทางโรงงานและได้งบประมาณในการผลิตสินค้าที่พอใจแล้ว ต่อไปคุณสามารถวางแผนงบการตลาดได้เลย ซึ่งการทำการตลาดถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญมากในการทำธุรกิจโดยงบในส่วนนี้คุณอาจจะต้องเตรียมไว้ประมาณ 1-3 เท่าของงบการผลิตเพื่อให้สินค้าของคุณติดตลาดได้ในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงบในส่วนของการทำภาพหรือวิดีโอเพื่อนำไปลงโฆษณาสินค้าตามช่องทางต่าง ๆ หรืองบโฆษณาทั้งใน Facebook, TikTok, Google Ads เป็นต้น
-
งบการดำเนินงานอื่น ๆ
เมื่อนึกถึงงบการผลิตและการตลาดแล้ว สิ่งสำคัญที่หลายคนมักจะไม่ได้นึกถึงเลยก็คืองบการดำเนินงานต่าง ๆ ที่อาจจะเป็นเงินเดือนพนักงาน ค่าขนส่งสินค้า ค่าเช่าออฟฟิต และค่าดำเนินงานอื่น ๆ ที่คุณต้องลิสต์ไว้จัดทำงบประมาณด้วย
ขั้นตอนการสร้างแบรนด์อย่างไรให้น่าจดจำ
- การโฆษณาออนไลน์ : การโฆษณาทางออนไลน์ในปัจจุบันนี้มีหลากหลายช่องทางมากและใช้งบประมาณไม่เยอะอีกด้วย ซึ่งคุณเลือกช่องทางที่เหมาะกับธุรกิจของคุณและตรงกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อที่จะได้เพิ่มยอดขายของสินค้า
- การโปรโมท : เมื่อมีการโฆษณาเพื่อเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าแล้ว ก็ต้องมีการโปรโมทแบรนด์เพื่อให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ด้วยไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปเป็นสปอนเซอร์หรือโปรโมทแบรนด์ผ่านงานอีเว้นท์ต่าง ๆ
- การสร้างคอนเทนต์ : ปัจจุบันนี้การสร้างคอนเทนต์ก็ถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะมันเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ได้
- การบริการลูกค้า : ไม่ว่าลูกค้าที่เข้ามาจะซื้อสินค้าของคุณหรือไม่คุณต้องบริการลูกค้าทุกคนด้วยความจริงใจและมีไมตรีต่อลูกค้า ทำให้ลูกค้าประทับใจในการบริการ
รับผลิตแบรนด์ พร้อมให้คำปรึกษาฟรีโดยผู้เชี่ยวชาญ
เมื่อคุณพร้อมที่จะสร้างแบรนด์ตัวเองแล้วแต่ยังไม่รู้จะหาโรงงานรับสร้างแบรนด์ที่ไหนดี “แบรนด์ เบเนฟิต” ยินดีให้บริการแบบครบวงจรทั้งในด้านสร้างแบรนด์เครื่องสำอางและสร้างแบรนด์อาหารเสริมตั้งแต่การช่วยวางแผนคอนเซปสินค้าของคุณ, การออกแบบบรรจุภัณฑ์, มีบริการแพ็คสินค้า รวมถึงยังสามารถยื่นขอ อย. ให้ได้อีกด้วยทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาในการดำเนินงานด้านเอกสารเลย
ทางบริษัทยังเป็นโรงงานรับผลิตแบรนด์ที่ได้มาตรฐานระดับสากลและได้รับการรับรองมาตรฐานจาก GMP&HACCP Codex และ ISO 22000/ ISO 17025 ทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีคุณภาพและปลอดภัย ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค ที่สำคัญคุณยังสามารถพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความโดดเด่นและความเป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้อีกด้วยเพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาฟรี
อ้างอิง :